เทคนิค ลดน้ำหนัก ยอดนิยม

แค่หายใจก็ลดความอ้วนได้ 
วิธีทำก็ง่ายคือ นั่งบนเก้าอี้ พยายามให้หลังตรง จากนั้นชูมือทั้งสองข้างขึ้นจนสุด ค่อยๆ ลดแขนลงพร้อมกับหายใจออกยาวๆ จากนั้นหายใจเข้าตามสบาย วางข้อมือทั้งสองข้างไว้ที่ใต้ท้อง หายใจออกแล้วก้มร่างกายท่อนบนลงมา ผ่อนกำลังลงและหายใจเข้าตามสบาย

หรือจะเลือกใช้วิธีที่สอง คือหายใจโดยกำหนดสะดือเป็นศูนย์กลาง เริ่มจากนั่งไขว้ขา วางปลายนิ้วมือทั้งสองไว้ใต้หน้าอก หายใจออกช้าๆ ยาวๆ พร้อมกับให้ส่วนบนของร่างกายงอไปข้างหน้าเล็กน้อย กะให้ศีรษะตรงกับตำแหน่งของสะดือ แล้วใช้ปลายนิ้วมือวางไว้ที่ปลายหน้าอกนั้นกดลงไป เมื่อหายใจออกจนหมด ให้ยกส่วนบนขึ้นตรงแล้วหายใจเข้าตามปรกติ ในขณะที่ปฏิบัติจะรู้สึกช่วงล่างใต้สะดือจะมีการเคลื่อนไหว เป็นเพราะส่วนท้องไหลเวียนมีการดูดรับและขับของเสียออกทางท่อของลำไส้ใหญ่ ไต และตับอย่างมีประสิทธิภาพ 


**********************************************

10 ท่าลดพุง

   

    วันนี้มีท่าในการลดพุงของคุณมาให้ทำกัน 10 ท่า เริ่มจากทำท่าเหล่านี้ท่าละ 10 ครั้ง ต่อวัน แล้วค่อยๆ เพิ่มไปเรื่อยๆ

ท่าที่ 1



ท่าที่ 2


ท่าที่ 3


ท่าที่ 4


ท่าที่ 5


ท่าที่ 6


ท่าที่ 7


ท่าที่ 8


ท่าที่ 9


ท่าที่ 10


**************************************

วิธีกินขนมหวานให้ไม่อ้วน 


คนที่อ้วนมักจะมีนิสัยชอบกิน โดยเฉพาะขนมหวานต่างๆ แล้วถ้าเกิดกำลังอยู่ในช่วง ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน อยู่ด้วยละก็ขนมหวานถือเป็นศัตรูตัวฉกาจเชียว แต่จะให้รอจนลดน้ำหนักสำเร้จแล้วค่อยมากิน ถึงตอนนั้นจะกินแบบไม่ยั้ง ผลก็คือจะกลับมาอ้วนอีกค่ะ หรือบางคนอาจจะตบะแตกก่อนที่จะลดสำเร้จ เผลอกินก่อนตอนนั้นก็จะกินไม่ยั้งอีกเช่นกัน ผลก็จะอ้วนอีกตามเคยค่ะ สู้เรามาผ่อนผันให้ตัวเองได้กินขนมหวานบ้าง กำหนดไปเลย สัปดาห็ละครั้งที่จะกินขนมหวาน และจะกินอะไร วางแผนไปเลยก็ได้ค่ะ ว่าเดือนนึงเรากินได้ 4 สัปดาห์ เราจะกินอะไรบ้าง แล้วทำตามแผนนั้น แล้วทำตามวิธีข้างล่างนี้ได้เลยค่ะ
1. เริ่มจากมื้ออาหารหลักก่อนเลย ควรกินขนมหวานหลังอาหารเที่ยงค่ะ เพราะหลังจากนั้นเรายังมีกิจวัตรประจำวันทำอีกมากที่จะใช้พลังงานออกกไปค่ะ กินมื้อเช้าก็ได้นะคะแต่บางคนกินมื้อเช้าแล้วจะเลี่ยนๆ ค่ะ แต่มื้อเย็นห้ามเด็ดขาดนะคะ

2. เมื่อคิดจะกินขมหวานมื้อเที่ยงแล้ว ควรจะวางแผนการกินตั้แต่จนหลักมื้อเที่ยงเลยค่ะ ควรกินจานหลักให้น้อยลงไปครึ่งนึงของที่กินอยู่ประจำเลยค่ะ ย้ำว่าครึ่งนึง เช่น เดิมทานข้าว 2 ทัพพี กับข้าว 2 อย่าง ก็เหลือแค่ข้าว 1 ทัพพี กับข้าว 2 อย่างแต่ปริมาณน้อยลงค่ะ เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่หลากหลายจึงควรเป็นกับข้าว 2 อย่างเหมือนเดิม หากเป็นสเต็ก ก็ควรลดปริมารลง 30% (ไม่ต้องคึ่งนึงก็ได้เพราะเป็นโปรตีน)

3. เมื่อทานจานหลักเสร็จแล้ว ควรดื่มน้ำตามก่อนให้หมดแก้วเต็มๆ เพื่อให้รู้สึกอิ่มขึ้นมาบ้าง กับข้าวจะได้บานเต็มท้อง หรืออย่างน้อยก็ใช้พื้นที่ในกระเพาะไปเยอะหน่อยค่ะ

4. เริ่มทานขนมหวาน เช่นข้าวเหนียวทุเรียน ข้าวเหนียวมะม่วง เผือกแกงบวช ฯลฯ ที่เป็นขนมหวานของอ้วนๆ ทั้งหลาย โดยใช้ช้อนชาตัก ขอย้ำว่าช้อนชา ไม่ใช่ช้อนกินข้าวนะคะ แต่เป็นช้อนที่ตักพวกพริก น้ำตาล เครื่องปรุงทั้งหลายค่ะ เพื่อให้เรากินคำเล็กลง และช้าลง ให้กินได้แค่ 10 คำเท่านั้นค่ะ ย้ำอีกทีว่า 10 คำเท่านั้น ถ้าเสียดายก็ยกให้เพื่อนกินซะ หรือเก็บเข้าตู้เย็นไว้กินวันหลัง (งกไปป่าว) แต่ไม่แนะนำค่ะ เพราะมันจะล่อตาล่อใจให้เอาออกมากินยามอยาก ต่อนะคะ เมื่อตักขนมเข้าปากแต่ละคำให้เคี้ยวช้าๆ เคี้ยวให้นานที่สุด เพื่อให้กระเพาะและตับไตไส้พุงทำงานกะมันน้อยที่สุด เพื่อให้ย่อยสลายได้เร็วที่สุดค่ะ ด้วยการเคี้ยวให้ละเอียด เคี้ยวนานๆ ทำเช่นเดียวกันทุกคำ

5. เมื่อครบ 10 คำแล้ว ให้ดื่มน้ำทันทีหมดแก้วเช่นเดิมค่ะ เก็บชามขนมออกจากสายตาเราให้เร็วที่สุด ตอนนี้ควรจะรู้สึกอิ่มพอดีๆ ค่ะ หากไม่อิ่ม สิ่งที่กินได้อย่างเดียวคือ ผลไม้ค่ะ ต้องเป็นผลไม้ที่น้ำตาลน้อยนะคะ เชน ส้ม มะละกอ แตงโม แก้วมังกร มังคุด ฯลฯ

เท่านี้ก็สามารถกินขนมหวานในช่วงลดน้ำหนักได้โดยไม่ต้องกังวลใจแล้วค่ะ แล้วก็ไม่ต้องกดดันความอยากของตัวเองด้วยค่ะ ทำให้เราสามารถลดน้ำหนักได้อย่างผ่อนคลายมากขึ้นด้วยนะคะ เอาใจช่วยค่ะ สู้ๆ... ^__^


************************************* 
 
Web Hosting