ตุ๊กตาไขนาม
"ตุ๊กตาไขนาม" เป็นศาสตร์แขนงหนึ่งในโหราศาสตร์ของชนชาติมอญ ได้มีการปรับใช้กับการตั้งชื่อของไทยมาแต่โบราณกาล หลักการตั้งชื่อตามหลักตุ๊กตาไขนามนั้นจะพิจารณาจากปีเกิดเป็นสำคัญ และนำมาอักษรมาวางตำแหน่งบนตัวตุ๊กตาตามเกณฑ์ปีเกิด เพื่อทำนายลักษณะนิสัย และชะตาชีวิตทั่วไปครับ
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับตำแหน่งบนตัวตุ๊กตาไขนามกันก่อนครับ
ความหมายตามตำแหน่งของตุ๊กตา |
หัว | หมายถึง | จุดสูงสุด ยอดเยี่ยม ความสำเร็จ ความอุดมสมบูรย์ ความดีงาม คิดมาก กังวล หมกหมุ่น เครียด |
แขน | หมายถึง | ความสุขสงบ ความดี ความสะดวกสบาย ไม่ยุ่งยาก เฉื่อยชา เกียจคร้าน |
เอว | หมายถึง | ขยันขันแข็ง มานะพยายาม รวดเร็วไม่อยู่นิ่ง ความไม่สบาย หาเรื่อง วุ่นวาย การเดินทางใกล้ ขาดความสงบ |
ขา | หมายถึง | กระตือรือร้น ไม่นิ่งดูดาย อุปสรรค ปัญหาต่าง ๆ การเดินทางไกล การเปลี่ยนแปลงโยกย้าย สูญเสีย เดือดร้อน |
ในการคำนวณปีเกิดเพื่อหาตำแหน่งดาวนั้น จะใช้ปีที่เป็นปีจุลศักราช (จ.ศ.) ของคุณ แล้วนำมาหารด้วย ๗ ได้เศษเท่าใด ให้นำมาวางไว้ที่ตำแหน่งขาขวาเป็นจุดเริ่มต้น หากหารได้ ๐ ได้ถือว่าเป็นเศษ ๗ ครับ
ตัวอย่าง
เจ้าชะตาเกิดเดือนพฤศจิกายน ปีพ.ศ. ๒๕๑๗ ตรงกับปีจ.ศ. ๑๓๓๖ นำ ๑๓๓๖ หารด้วย ๗ ได้เศษ ๖
ให้นำ ๖ มาไว้ในตำแหน่งขาขวา ดังรูป
การหาปีจุลศักราช (จ.ศ.) ๑. ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๘๔ จนถึงปัจจุบัน ถ้าเกิดเดือนมกราคม - ๑๕ เมษายน ให้นำปี พ.ศ. เกิดลบด้วย ๑๑๘๒ ถ้าเกิด ๑๖ เมษายน - ธันวาคม ให้นำปี พ.ศ. เกิด ลบด้วย ๑๑๘๑ ๒. ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๘๓ ย้อนหลังลงไป ให้นำปี พ.ศ. เกิดลบด้วย ๑๑๘๑ |
จากที่ได้กล่าวในหลักภูมิทักษา ดาวอัฏฐเคราะห์ หรือพระเคราะห์ทั้ง ๘ สามารถถอดออกเป็นตัวอักษรได้ดังนี้
ดาวพระเคราะห์ | ตัวอักษร | เลข |
ดาวอาทิตย์ ดาวจันทร์ ดาวอังคาร ดาวพุธกลางวัน ดาวพฤหัสบดี ดาวศุกร์ ดาวเสาร์ ดาวราหูหรือพุธกลางคืน | อ และสระทั้งหมด ก ข ค ฆ ง จ ฉ ช ซ ฌ ญ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม ศ ษ ส ห ฬ ฮ ด ต ถ ท ธ น ย ร ล ว | ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ |
สำหรับหลักตุ๊กตาไขนามนั้น ให้จัดดาวราหู (๘) อยู่ในตำแหน่งเดียวกับดาวพุธ (๔) เพราะถือว่าเป็นพุธทั้งคู่ครับ
ในการอ่านความหมายของตุ๊กตาไขนามนั้น จะเลือกใช้เฉพาะตัวอักษรที่อ่านออกเสียงเท่านั้น เช่น
ปัญญา | ให้อ่านอักษร | ป - ญ |
นิชาภัทร | ให้อ่านอักษร | น - ช - ภ |
ไหมทอง | ให้อ่านอักษร | ม - ท |
ณัฐดนัย | ให้อ่านอักษร | ณ - ด - น |
จากนั้นจึงนำตัวอักษรที่ได้เป็นตัวแทนของดาวพระเคราะห์ ไปวางลงในตำแหน่งต่าง ๆ ของตุ๊กตา แล้วอ่านคำทำนายดาววาสนา"ดาววาสนา" เป็นศาสตร์ที่อาศัยการคำนวณต่อเนื่องจากหลักเลขศาสตร์ ประกอบกับดาวคู่มิตร คู่ศัตรูในการทำนายบุคลิกลักษณะนิสัย
หลังจากที่ได้ค่ากำลังดาวจากหลักเลขศาสตร์แล้ว ให้นำมาหารด้วย ๘ ได้เศษเท่าใด ให้นำมาทำนาย หากหารได้ ๐ ได้ถือว่าเป็นเศษ ๘ ครับ
ตัวอย่างปิยปราชญ์ ได้ค่ากำลังดาว ๓๖
นำ ๓๖ หารด้วย ๘ ได้เศษ ๔
สามารถทำนายได้ว่า
"เจ้าชะตาเป็นคนช่างพูดช่างเจรจา
หากพูดน้อยจะมีหลักการเหตุผล เข้ากับคนอื่นได้ง่าย คล่องแคล่ว
เหมาะกับการประกอบอาชีพด้านเทคโนโลยี และการสื่อสาร
ระมัดระวังเรื่องการเชื่อคนง่าย"
จากนั้นให้พิจารณาถึงดาวคู่มิตร คู่ศัตรู ซึ่งโบราณาจารย์ท่านได้แบ่งดาวออกเป็น ๒ ฝ่าย คือ
ดาวศุภเคราะห์ (เทพ) ได้แก่ ดาวจันทร์ (๒) ดาวพุธ (๔) ดาวพฤหัสบดี (๕) และดาวศุกร์ (๖)
ดาวบาปเคราะห์ (มาร) ได้แก่ ดาวอาทิตย์ (๑) ดาวอังคาร (๓) ดาวเสาร์ (๗) และดาวราหู (๘)
สำหรับดาวคู่มิตร ได้แก่
ดาวอาทิตย์ (๑) | กับ | ดาวพฤหัสบดี (๕) |
ดาวจันทร์ (๒) | กับ | ดาวพุธ (๔) |
ดาวศุกร์ (๖) | กับ | ดาวอังคาร (๓) |
ดาวเสาร์ (๗) | กับ | ดาวราหู (๘) |
ดาวคู่ศัตรู ได้แก่
ดาวอาทิตย์ (๑) | กับ | ดาวอังคาร (๓) |
ดาวพุธ (๔) | กับ | ดาวราหู (๘) |
ดาวศุกร์ (๖) | กับ | ดาวเสาร์ (๗) |
ดาวจันทร์ (๒) | กับ | ดาวพฤหัสบดี (๕) |
นอกจากนั้นในแต่ละดวงดาวยังมีธาตุของตนเองอยู่ ได้แก่
ดาวอาทิตย์ (๑) กับ ดาวเสาร์ (๗) | ธาตุไฟ |
ดาวพฤหัสบดี (๕) กับ ดาวจันทร์ (๒) | ธาตดิน |
ดาวอังคาร (๓) กับ ดาวราหู (๘) | ธาตลม |
ดาวศุกร์ (๖) กับ ดาวพุธ (๔) | ธาตุน้ำ |
จึงสามารถจัดเป็นคู่มิตรธาตุ ได้แก่
ดาวอาทิตย์ (๑) ดาวเสาร์ (๗) | กับ | ดาวอังคาร (๓) ดาวราหู (๘) |
ดาวพฤหัสบดี (๕) ดาวจันทร์ (๒) | กับ | ดาวศุกร์ (๖) ดาวพุธ (๔) |
และคู่ศัตรูธาตุ ได้แก่
ดาวอาทิตย์ (๑) ดาวเสาร์ (๗) | กับ | ดาวศุกร์ (๖) ดาวพุธ (๔) |
ดาวพฤหัสบดี (๕) ดาวจันทร์ (๒) | กับ | ดาวอังคาร (๓) ดาวราหู (๘) |
จะเห็นได้ว่าเมื่อนำตัวเลขจากค่ากำลังดาว
และค่าดาววาสนาที่คำนวณได้จากวิเคราะห์ตามดาวคู่มิตร คู่ศัตรู
แล้วก็จะทราบว่าชื่อนั้น ๆ มีคุณสมบัติ
หรืออิทธิพลของดวงดาวภายในชื่อที่สนับสนุน หรือขัดแย้งกัน
ตัวอย่างปิยปราชญ์ ได้ค่ากำลังดาว ๓๖ และค่าดาววาสนาเท่ากับ ๔
ประกอบด้วย ดาวอังคาร (๓) ดาวศุกร์ (๖) และดาวพุธ (๔)มีดาวอังคาร (๓) และดาวศุกร์ (๖) เป็นดาวคู่มิตร
มีดาวศุกร์ (๖) และดาวพุธ (๔)
เป็นดาวธาตุเดียวกัน
ถือว่าเป็นชื่อที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก
ดาววาสนาเป็น ศาสตร์ขั้นสูงที่มีความละเอียดอีกระดับที่ต้องมีความเข้าใจเรื่องของดาว เคราะห์ และธาตุในดวงดาว แต่ก็ไม่ยากเกินทำความเข้าใจครับ สามารถใช้เสริมในการตั้งชื่อได้เป็นอย่างดีเช่นกัน |
"อังคะวิชา - มหาภูติ" เป็นศาสตร์คล้ายกับศาสตร์ฮวงจุ้ยของจีน แต่เป็นศาสตร์ที่ใช้ในแถบสุวรรณภูมิ โดยมีการประยุกต์ใช้กับการพยากรณ์ดวงชะตา รวมถึงการนำมาใช้ในการตั้งชื่อ โดย เป็นการคำนวณปีเกิด จากนั้นวางตำแหน่งคล้ายหลักตุ๊กตาไขนาม ใช้ในการพยากรณ์แนวทางชีวิต และลักษณะนิสัย ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับความหมายต่าง ๆ ของอังคะวิชา - มหาภูติกันก่อนครับ
ในการคำนวณปีเกิดเพื่อหาตำแหน่งดาว นั้น จะใช้ปีที่เป็นปีพุทธศักราช (พ.ศ.) ของคุณ แล้วนำ ๓ ตัวท้ายมาหารด้วย ๗ ได้เศษเท่าใด ให้นำมาวางไว้ที่ตำแหน่งภังคะเป็นจุดเริ่มต้น หากหารได้ ๐ ได้ถือว่าเป็นเศษ ๗ ครับ ทั้งนี้การเลือกใช้ปีให้คำนึงถึงการเปลี่ยนจุลศักราชด้วย กล่าวคือ หากเกิดก่อนการเปลี่ยนจุลศักราช คือ ๑๕ เมษายน ให้ลบ ๑ ก่อน จึงนำไปหารด้วย ๗ ตัวอย่าง เจ้าชะตาเกิดเดือนพฤศจิกายน ปีพ.ศ. ๒๕๑๗นำ ๕๑๗ หารด้วย ๗ ได้เศษ ๖ ให้นำ ๖ มาไว้ในตำแหน่งภังคะ ดังตาราง
สำหรับหลักอังคะวิชา - มหาภูตินั้น ให้จัดดาวราหู (๘) อยู่ในตำแหน่งเดียวกับดาวพุธ (๔) เพราะถือว่าเป็นพุธทั้งคู่ครับ ในการอ่านความหมายของอังคะวิชา - มหาภูตินั้น จะเลือกใช้เฉพาะตัวอักษรที่อ่านออกเสียงเท่านั้น เช่น
จากนั้นจึงนำตัวอักษรที่ได้เป็นตัวแทนของดาวพระเคราะห์ ไปวางลงในตำแหน่งต่าง ๆ ของอังคะวิชา - มหาภูติแล้วอ่านคำทำนาย ตัวอย่าง ปิยปราชญ์ มีเศษ ๖ จากการคำนวณปีเกิด ปิยปราชญ์ อ่านค่าอักษรได้ ป - ย - ป
ตำแหน่งของชื่อ ปิยปราชญ์ จะทำนายจาก "ธงชัย" ไปสู่ "ราชา" และเลื่อนไปสู่ "ธงชัย" สามารถทำนายได้ว่า "เป็นผู้ที่มีสติปัญญา ไหวพริบ พิ๔ีพิถันในการแต่งกาย รู้จักเข้าสังคม มีระเบียบกฎเกณฑ์ในการจัดการสิ่งต่าง ๆ รอบตัว " |
เป็นศาสตร์ขั้นสูงที่มีความคล้ายกับหลักตุ๊กตามอญ
และภูมิทักษาที่ได้กล่าวมาแล้ว แต่ไม่มีการห้ามใช้อักษรกาลกิณี
ทั้งนี้การอ่านความหมายจะบ่งบอกบุคลิก นิสัย
และแนวทางการดำเนินชีวิตไปตามตำแหน่ง
ผสม กับลักษณะของดาวพระเคราะห์ที่เรียงต่อเนื่องกันไป ผูกดวงลัคนา
การผูกดวงทางโหราศาสตร์ไทย หรือการ "ผูกดวงลัคนา"
ถือเป็นศาสตร์ชั้นสูงของโหราศาสตร์ไทย
และถือว่าการตั้งชื่อโดยอาศัยการวางดวงทางโหราศาสตร์ไทยเป็นเคล็ดลับสุดยอด
ของการตั้งชื่อตามหลักโหราศาสตร์ ซึ่งโบราณาจารย์ทั้งหลายได้กล่าวไว้ว่า
หากผูกดวงชะตาแล้วปรากฏดาวพระเคราะห์ที่เป็นกาลกิณีกุมลัคน์ หรือเล็งลัคนา
ซึ่งจะให้โทษที่ร้ายแรงกับเจ้าชะตา ก็ให้ตั้งชื่อแก้เคล็ด
โดยการให้ดาวกาลกิณีที่เกาะกุม หรือเล็งลัคนาให้กลับกลายเป็นดาวศรีเสีย
เพื่อป้องกันความเลวร้ายของดาวกาลกิณีให้เบาบางลง หรือหมดสิ้นไป
จากที่กล่าวข้างต้น
หากผูกดวงชะตาแล้วพบว่าเป็นดวงชะตาที่เสีย คือ มีดาวกาลกิณีเกาะกุมลัคนา
คือ มีดาวกาลกิณีของวันเกิดอยู่ในราศีเดียวกันกับลัคนา หรือเล็งลัคนา คือ
มีดาวกาลกิณีอยู่ในราศีตรงกันข้ามกับลัคนา อีกกรณีหนึ่ง
ดาวกาลกิณีทับจันทร์กำเนิด คือ
มีดาวกาลกิณีอยู่ในราศีเดียวกันกับดาวจันทร์ในดวงชะตา อย่างใดอย่างหนึ่ง
โบราณาจารย์ท่านให้แก้ไขโดยการตั้งชื่อแก้เสียเพื่อให้ดาวร้ายได้ผ่อนลง
โดย ให้ใช้อักษรวรรคมูละของแต่ละวันเกิดนั้น ๆ มานำหน้าชื่อ ดวงชะตาที่ว่าร้ายมีโทษแรงก็จะบรรเทาลง ดวงชะตาที่เลวร้ายก็จะกลับกลายเป็นดี
ผมขอยกตัวอย่าง ดวงชะตาของ พล.ต. ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช
ท่านเกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๔ เวลา ๗.๒๔ น.
สามารถผูกดวงได้ดังนี้ผูกดวงลัคนา
ในดวงชะตาของท่านปรากฎดาวกาลกิณีของผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี
คือ ดาวเสาร์ (๗) เกาะกุมลัคนาอยู่ ซึ่งให้โทษร้ายแรงยิ่งนัก
สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พระพันปีหลวง
(ผู้ให้กำเนิดการพยาบาล และการศึกษาพยาบาลของประเทศไทย)
พระองค์ท่านทรงมีความรอบรู้ทางโหราศาสตร์ ได้ทรงพิจารณาดวงชะตาของ
พล.ต. ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่ผูกดวงขึ้นจึงได้ทรงพระราชทานนามให้ว่า "คึกฤกษ์"
แก้เคล็ดดวงชะตาให้ดีขึ้น โดยการใช้อักษร "ค"
ซึ่งเป็นอักษรมูละของผู้ที่เกิดในวันพฤหัสบดีมานำหน้าอักษรตัวอื่น ๆ
ก็เพื่อจะแก้ไขให้ดาวเสาร์ที่มีโทษร้างแรงในดวงชะตาบรรเทาโทษลดลง
แล้วให้กลับกลายเป็นศรี ดังจะเห็นได้จากดวงชะตาของ พล.ต. ม.ร.ว. คึกฤทธิ์
ปราโมช ผู้เป็นปราชญ์ของแผ่นดิน ไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น