วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

นามศาสตร์ขั้นสูง




ตุ๊กตาไขนาม

"ตุ๊กตาไขนาม" เป็นศาสตร์แขนงหนึ่งในโหราศาสตร์ของชนชาติมอญ ได้มีการปรับใช้กับการตั้งชื่อของไทยมาแต่โบราณกาล หลักการตั้งชื่อตามหลักตุ๊กตาไขนามนั้นจะพิจารณาจากปีเกิดเป็นสำคัญ และนำมาอักษรมาวางตำแหน่งบนตัวตุ๊กตาตามเกณฑ์ปีเกิด เพื่อทำนายลักษณะนิสัย และชะตาชีวิตทั่วไปครับ

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับตำแหน่งบนตัวตุ๊กตาไขนามกันก่อนครับ

ความหมายตามตำแหน่งของตุ๊กตา

หัว หมายถึง จุดสูงสุด ยอดเยี่ยม ความสำเร็จ ความอุดมสมบูรย์ ความดีงาม คิดมาก กังวล หมกหมุ่น เครียด
แขน หมายถึง ความสุขสงบ ความดี ความสะดวกสบาย ไม่ยุ่งยาก เฉื่อยชา เกียจคร้าน
เอว หมายถึง ขยันขันแข็ง มานะพยายาม รวดเร็วไม่อยู่นิ่ง ความไม่สบาย หาเรื่อง วุ่นวาย การเดินทางใกล้ ขาดความสงบ
ขา หมายถึง กระตือรือร้น ไม่นิ่งดูดาย อุปสรรค ปัญหาต่าง ๆ การเดินทางไกล การเปลี่ยนแปลงโยกย้าย สูญเสีย เดือดร้อน



ในการคำนวณปีเกิดเพื่อหาตำแหน่งดาวนั้น จะใช้ปีที่เป็นปีจุลศักราช (จ.ศ.) ของคุณ แล้วนำมาหารด้วย ๗ ได้เศษเท่าใด ให้นำมาวางไว้ที่ตำแหน่งขาขวาเป็นจุดเริ่มต้น หากหารได้ ๐ ได้ถือว่าเป็นเศษ ๗ ครับ

ตัวอย่าง
เจ้าชะตาเกิดเดือนพฤศจิกายน ปีพ.ศ. ๒๕๑๗ ตรงกับปีจ.ศ.
๑๓๓๖ นำ ๑๓๓๖ หารด้วย ๗ ได้เศษ
ให้นำ ๖ มาไว้ในตำแหน่งขาขวา ดังรูป











การหาปีจุลศักราช (จ.ศ.)
๑. ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๘๔ จนถึงปัจจุบัน
     ถ้าเกิดเดือนมกราคม - ๑๕ เมษายน ให้นำปี พ.ศ. เกิดลบด้วย ๑๑๘๒
     ถ้าเกิด ๑๖ เมษายน - ธันวาคม ให้นำปี พ.ศ. เกิด ลบด้วย ๑๑๘๑
๒. ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๘๓ ย้อนหลังลงไป ให้นำปี พ.ศ. เกิดลบด้วย ๑๑๘๑


จากที่ได้กล่าวในหลักภูมิทักษา ดาวอัฏฐเคราะห์ หรือพระเคราะห์ทั้ง ๘ สามารถถอดออกเป็นตัวอักษรได้ดังนี้

ดาวพระเคราะห์ตัวอักษรเลข
ดาวอาทิตย์
ดาวจันทร์
ดาวอังคาร
ดาวพุธกลางวัน
ดาวพฤหัสบดี
ดาวศุกร์
ดาวเสาร์
ดาวราหูหรือพุธกลางคืน
อ และสระทั้งหมด
ก ข ค ฆ ง
จ ฉ ช ซ ฌ ญ
ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ
บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม
ศ ษ ส ห ฬ ฮ
ด ต ถ ท ธ น
ย ร ล ว








สำหรับหลักตุ๊กตาไขนามนั้น ให้จัดดาวราหู (๘) อยู่ในตำแหน่งเดียวกับดาวพุธ (๔) เพราะถือว่าเป็นพุธทั้งคู่ครับ

ในการอ่านความหมายของตุ๊กตาไขนามนั้น จะเลือกใช้เฉพาะตัวอักษรที่อ่านออกเสียงเท่านั้น เช่น

ปัญญาให้อ่านอักษรป - ญ
นิชาภัทรให้อ่านอักษรน - ช - ภ
ไหมทองให้อ่านอักษรม - ท
ณัฐดนัยให้อ่านอักษรณ - ด - น

จากนั้นจึงนำตัวอักษรที่ได้เป็นตัวแทนของดาวพระเคราะห์ ไปวางลงในตำแหน่งต่าง ๆ ของตุ๊กตา แล้วอ่านคำทำนาย
ดาววาสนา"ดาววาสนา" เป็นศาสตร์ที่อาศัยการคำนวณต่อเนื่องจากหลักเลขศาสตร์ ประกอบกับดาวคู่มิตร คู่ศัตรูในการทำนายบุคลิกลักษณะนิสัย



หลังจากที่ได้ค่ากำลังดาวจากหลักเลขศาสตร์แล้ว ให้นำมาหารด้วย ๘ ได้เศษเท่าใด ให้นำมาทำนาย หากหารได้ ๐ ได้ถือว่าเป็นเศษ ๘ ครับ
ตัวอย่าง
ปิยปราชญ์    ได้ค่ากำลังดาว ๓๖

นำ ๓๖ หารด้วย ๘ ได้เศษ

สามารถทำนายได้ว่า

"เจ้าชะตาเป็นคนช่างพูดช่างเจรจา
หากพูดน้อยจะมีหลักการเหตุผล เข้ากับคนอื่นได้ง่าย คล่องแคล่ว
เหมาะกับการประกอบอาชีพด้านเทคโนโลยี และการสื่อสาร
ระมัดระวังเรื่องการเชื่อคนง่าย"



จากนั้นให้พิจารณาถึงดาวคู่มิตร คู่ศัตรู ซึ่งโบราณาจารย์ท่านได้แบ่งดาวออกเป็น ๒ ฝ่าย คือ

ดาวศุภเคราะห์ (เทพ) ได้แก่ ดาวจันทร์ (๒) ดาวพุธ (๔) ดาวพฤหัสบดี (๕) และดาวศุกร์ (๖)

ดาวบาปเคราะห์ (มาร) ได้แก่ ดาวอาทิตย์ (๑) ดาวอังคาร (๓) ดาวเสาร์ (๗) และดาวราหู (๘)

สำหรับดาวคู่มิตร ได้แก่

ดาวอาทิตย์ (๑)กับดาวพฤหัสบดี (๕)
ดาวจันทร์ (๒) กับดาวพุธ (๔)
ดาวศุกร์ (๖)กับดาวอังคาร (๓)
ดาวเสาร์ (๗)กับดาวราหู (๘)


ดาวคู่ศัตรู ได้แก่

ดาวอาทิตย์ (๑)กับดาวอังคาร (๓)
ดาวพุธ (๔)กับดาวราหู (๘)
ดาวศุกร์ (๖)กับดาวเสาร์ (๗)
ดาวจันทร์ (๒)กับดาวพฤหัสบดี (๕)


นอกจากนั้นในแต่ละดวงดาวยังมีธาตุของตนเองอยู่ ได้แก่

ดาวอาทิตย์ (๑) กับ ดาวเสาร์ (๗)ธาตุไฟ
ดาวพฤหัสบดี (๕) กับ ดาวจันทร์ (๒) ธาตดิน
ดาวอังคาร (๓) กับ ดาวราหู (๘)ธาตลม
ดาวศุกร์ (๖) กับ ดาวพุธ (๔)ธาตุน้ำ


จึงสามารถจัดเป็นคู่มิตรธาตุ ได้แก่

ดาวอาทิตย์ (๑) ดาวเสาร์ (๗)กับดาวอังคาร (๓) ดาวราหู (๘)
ดาวพฤหัสบดี (๕) ดาวจันทร์ (๒) กับดาวศุกร์ (๖) ดาวพุธ (๔)


และคู่ศัตรูธาตุ ได้แก่

ดาวอาทิตย์ (๑) ดาวเสาร์ (๗)กับดาวศุกร์ (๖) ดาวพุธ (๔)
ดาวพฤหัสบดี (๕) ดาวจันทร์ (๒) กับดาวอังคาร (๓) ดาวราหู (๘)


จะเห็นได้ว่าเมื่อนำตัวเลขจากค่ากำลังดาว
และค่าดาววาสนาที่คำนวณได้จากวิเคราะห์ตามดาวคู่มิตร คู่ศัตรู
แล้วก็จะทราบว่าชื่อนั้น ๆ มีคุณสมบัติ
หรืออิทธิพลของดวงดาวภายในชื่อที่สนับสนุน หรือขัดแย้งกัน

ตัวอย่าง
ปิยปราชญ์   ได้ค่ากำลังดาว ๓๖ และค่าดาววาสนาเท่ากับ

ประกอบด้วย ดาวอังคาร (๓) ดาวศุกร์ (๖) และดาวพุธ (๔)
มีดาวอังคาร (๓) และดาวศุกร์ (๖) เป็นดาวคู่มิตร

มีดาวศุกร์ (๖) และดาวพุธ (๔)
เป็นดาวธาตุเดียวกัน

ถือว่าเป็นชื่อที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก

ดาววาสนาเป็น
ศาสตร์ขั้นสูงที่มีความละเอียดอีกระดับที่ต้องมีความเข้าใจเรื่องของดาว
เคราะห์ และธาตุในดวงดาว แต่ก็ไม่ยากเกินทำความเข้าใจครับ
สามารถใช้เสริมในการตั้งชื่อได้เป็นอย่างดีเช่นกัน
อังคะวิชา-มหาภูติ
"อังคะวิชา - มหาภูติ"
เป็นศาสตร์คล้ายกับศาสตร์ฮวงจุ้ยของจีน แต่เป็นศาสตร์ที่ใช้ในแถบสุวรรณภูมิ
โดยมีการประยุกต์ใช้กับการพยากรณ์ดวงชะตา รวมถึงการนำมาใช้ในการตั้งชื่อ
โดย เป็นการคำนวณปีเกิด จากนั้นวางตำแหน่งคล้ายหลักตุ๊กตาไขนาม ใช้ในการพยากรณ์แนวทางชีวิต และลักษณะนิสัย



ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับความหมายต่าง ๆ ของอังคะวิชา - มหาภูติกันก่อนครับ

ความหมายต่าง ๆ ของอังคะวิชา-มหาภูติ


ภังคะ หมายถึง ทิฐิ ความมั่นใจในตนเอง
ปูติ หมายถึง การเปลี่ยนแปลง การเดินทาง ไม่หยุดนิ่ง
ขุมทรัพย์ หมายถึง สินทรัพย์ ความขยันขันแข็ง ความอดทน
มรณะ หมายถึง อนิจจัง ความไม่แน่นอน ปาฏิหารย์ สิ่งศักสิทธิ์
อธิบดี หมายถึง ความรอบรู้ ไหวพริบ การเจรจา ความตื่นตัวต่อการเปลี่ยนแปลง
ราชา หมายถึง ความสามารถ สติปัญญา ความโดดเด่น
ธงชัย หมายถึง ชัยชนะ ความมีชื่อเสียง ความพิถีพิถัน






ในการคำนวณปีเกิดเพื่อหาตำแหน่งดาว
นั้น จะใช้ปีที่เป็นปีพุทธศักราช (พ.ศ.) ของคุณ แล้วนำ ๓ ตัวท้ายมาหารด้วย ๗
ได้เศษเท่าใด ให้นำมาวางไว้ที่ตำแหน่งภังคะเป็นจุดเริ่มต้น หากหารได้ ๐
ได้ถือว่าเป็นเศษ ๗ ครับ
ทั้งนี้การเลือกใช้ปีให้คำนึงถึงการเปลี่ยนจุลศักราชด้วย กล่าวคือ
หากเกิดก่อนการเปลี่ยนจุลศักราช คือ ๑๕ เมษายน ให้ลบ ๑ ก่อน จึงนำไปหารด้วย




ตัวอย่าง



เจ้าชะตาเกิดเดือนพฤศจิกายน ปีพ.ศ. ๒๕๑๗นำ ๕๑๗ หารด้วย ๗ ได้เศษ

ให้นำ ๖ มาไว้ในตำแหน่งภังคะ ดังตาราง




ภังคะปูติขุมทรัพย์มรณะอธิบดีราชาธงชัย


สำหรับหลักอังคะวิชา - มหาภูตินั้น ให้จัดดาวราหู (๘) อยู่ในตำแหน่งเดียวกับดาวพุธ (๔) เพราะถือว่าเป็นพุธทั้งคู่ครับ



ในการอ่านความหมายของอังคะวิชา - มหาภูตินั้น จะเลือกใช้เฉพาะตัวอักษรที่อ่านออกเสียงเท่านั้น เช่น

ปัญญาให้อ่านอักษรป - ญ
นิชาภัทรให้อ่านอักษรน - ช - ภ
ไหมทองให้อ่านอักษรม - ท
ณัฐดนัยให้อ่านอักษรณ - ด - น


จากนั้นจึงนำตัวอักษรที่ได้เป็นตัวแทนของดาวพระเคราะห์ ไปวางลงในตำแหน่งต่าง ๆ ของอังคะวิชา - มหาภูติแล้วอ่านคำทำนาย


ตัวอย่าง



ปิยปราชญ์ มีเศษ ๖ จากการคำนวณปีเกิด



ปิยปราชญ์ อ่านค่าอักษรได้ ป - ย - ป

เป็นอักษรตัวแทนของ ดาวพฤหัสบดี (๕)
เป็นอักษรตัวแทนของ ดาวราหู (๘) หรือ (๔) ในหลักอังคะวิชา - มหาภูติ
เป็นอักษรตัวแทนของ ดาวพฤหัสบดี (๕)


ตำแหน่งของชื่อ ปิยปราชญ์ จะทำนายจาก "ธงชัย" ไปสู่ "ราชา" และเลื่อนไปสู่ "ธงชัย"

สามารถทำนายได้ว่า



"เป็นผู้ที่มีสติปัญญา ไหวพริบ พิ๔ีพิถันในการแต่งกาย รู้จักเข้าสังคม มีระเบียบกฎเกณฑ์ในการจัดการสิ่งต่าง ๆ รอบตัว "
อังคะวิชา - มหาภูติ
เป็นศาสตร์ขั้นสูงที่มีความคล้ายกับหลักตุ๊กตามอญ
และภูมิทักษาที่ได้กล่าวมาแล้ว แต่ไม่มีการห้ามใช้อักษรกาลกิณี
ทั้งนี้การอ่านความหมายจะบ่งบอกบุคลิก นิสัย
และแนวทางการดำเนินชีวิตไปตามตำแหน่ง
ผสม กับลักษณะของดาวพระเคราะห์ที่เรียงต่อเนื่องกันไป
ผูกดวงลัคนา

การผูกดวงทางโหราศาสตร์ไทย หรือการ "ผูกดวงลัคนา"
ถือเป็นศาสตร์ชั้นสูงของโหราศาสตร์ไทย
และถือว่าการตั้งชื่อโดยอาศัยการวางดวงทางโหราศาสตร์ไทยเป็นเคล็ดลับสุดยอด
ของการตั้งชื่อตามหลักโหราศาสตร์ ซึ่งโบราณาจารย์ทั้งหลายได้กล่าวไว้ว่า
หากผูกดวงชะตาแล้วปรากฏดาวพระเคราะห์ที่เป็นกาลกิณีกุมลัคน์ หรือเล็งลัคนา
ซึ่งจะให้โทษที่ร้ายแรงกับเจ้าชะตา ก็ให้ตั้งชื่อแก้เคล็ด
โดยการให้ดาวกาลกิณีที่เกาะกุม หรือเล็งลัคนาให้กลับกลายเป็นดาวศรีเสีย
เพื่อป้องกันความเลวร้ายของดาวกาลกิณีให้เบาบางลง หรือหมดสิ้นไป

จากที่กล่าวข้างต้น
หากผูกดวงชะตาแล้วพบว่าเป็นดวงชะตาที่เสีย คือ มีดาวกาลกิณีเกาะกุมลัคนา
คือ มีดาวกาลกิณีของวันเกิดอยู่ในราศีเดียวกันกับลัคนา หรือเล็งลัคนา คือ
มีดาวกาลกิณีอยู่ในราศีตรงกันข้ามกับลัคนา อีกกรณีหนึ่ง
ดาวกาลกิณีทับจันทร์กำเนิด คือ
มีดาวกาลกิณีอยู่ในราศีเดียวกันกับดาวจันทร์ในดวงชะตา อย่างใดอย่างหนึ่ง
โบราณาจารย์ท่านให้แก้ไขโดยการตั้งชื่อแก้เสียเพื่อให้ดาวร้ายได้ผ่อนลง
โดย ให้ใช้อักษรวรรคมูละของแต่ละวันเกิดนั้น ๆ มานำหน้าชื่อ ดวงชะตาที่ว่าร้ายมีโทษแรงก็จะบรรเทาลง ดวงชะตาที่เลวร้ายก็จะกลับกลายเป็นดี

ผมขอยกตัวอย่าง ดวงชะตาของ พล.ต. ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช
ท่านเกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๔ เวลา ๗.๒๔ น.
สามารถผูกดวงได้ดังนี้
ผูกดวงลัคนา







ในดวงชะตาของท่านปรากฎดาวกาลกิณีของผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี
คือ ดาวเสาร์ (๗) เกาะกุมลัคนาอยู่ ซึ่งให้โทษร้ายแรงยิ่งนัก
สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พระพันปีหลวง
(ผู้ให้กำเนิดการพยาบาล และการศึกษาพยาบาลของประเทศไทย)
พระองค์ท่านทรงมีความรอบรู้ทางโหราศาสตร์ ได้ทรงพิจารณาดวงชะตาของ
พล.ต. ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่ผูกดวงขึ้นจึงได้ทรงพระราชทานนามให้ว่า "คึกฤกษ์"
แก้เคล็ดดวงชะตาให้ดีขึ้น โดยการใช้อักษร "ค"
ซึ่งเป็นอักษรมูละของผู้ที่เกิดในวันพฤหัสบดีมานำหน้าอักษรตัวอื่น ๆ
ก็เพื่อจะแก้ไขให้ดาวเสาร์ที่มีโทษร้างแรงในดวงชะตาบรรเทาโทษลดลง
แล้วให้กลับกลายเป็นศรี ดังจะเห็นได้จากดวงชะตาของ พล.ต. ม.ร.ว. คึกฤทธิ์
ปราโมช ผู้เป็นปราชญ์ของแผ่นดิน ไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Web Hosting